วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

กินมื้อเย็นอย่างไร ให้ห่างไกลโรคอ้วนลงพุง

โรคอ้วนลงพุง เป็นโรคที่คนส่วนใหญ่มักจะเป็นโดยไม่รู้ตัว โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น กินอาหารที่มีไขมันมากเกินไป หรือกินมื้อเย็นไม่ถูกวิธี ทำให้ไขมันถูกสะสมบริเวณหน้าท้องเป็นจำนวนมาก วันนี้เราเลยมีทริคดีๆ สำหรับคนที่ไม่อยากงดมื้อเย็นแต่ก็ไม่อยากเป็นโรคอ้วนลงพุงมาฝากกัน มาดูกันว่าเราจะสามารถกินมื้อเย็นอย่างไรให้ห่างไกลโรคอ้วนลงพุงได้บ้าง

1.งดของทอด ของมัน หรืออาหารที่ใช้น้ำมันในการปรุง
อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำมันเป็นหลัก ยิ่งกินก็จะยิ่งเสี่ยงทำให้เป็นโรคอ้วนลงพุงได้ง่าย ดังนั้นมื้อเย็นที่ดี จึงเป็นอาหารที่ไม่ควรผ่านการปรุงด้วยน้ำมัน เพราะการกินอาหารเหล่านี้ในช่วงเวลาเย็นจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไม่ทัน จนเกิดกลายเป็นไขมันสะสมได้
2.คุมปริมาณอาหารด้วยการกำหนดแคลอรี่
การกำหนดแคลอรี่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการกินอาหารในทุกๆ มื้อได้ หากคุณกลัวว่าน้ำหนักจะขึ้น เสี่ยงเป็นโรคอ้วนลงพุง ให้คุณคำนวณปริมาณของแคลอรี่ที่รับเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่หลังตื่นจนถึงช่วงก่อนนอน เพื่อให้คุณมีสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย และไม่ถูกย้ายไปเป็นไขมันสะสมส่วนเกิน โดยคุณสามารถเลือกกินอาหารเช้าและเที่ยง รวมกัน 1000 แคลอรี่ และแบ่งไว้ให้มื้อเย็นอีก 500 แคลอรี่ แค่นี้ก็ไม่อ้วนแล้ว
3.เพิ่มผักหรือผลไม้เข้าไปในมื้ออาหาร
การกินผักหรือผลไม้เป็นส่วนเสริมในมื้ออาหารเย็น จะช่วยทำให้ร่างกายได้รับกากใยในปริมาณที่พอเพียง และเป็นผลดีต่อระบบขับถ่าย ดังนั้นหากคุณต้องการกินอาหารเย็นให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ควรเน้นผักและผลไม้ในมื้ออาหารด้วย และอย่าลืมดื่มน้ำตามเยอะๆ
4.กินอาหารเย็นก่อนเวลานอน 4-6 ชั่วโมง
ช่วงเวลาในการกินอาหารเย็นที่เหมาะสมนั้น ควรอยู่ในช่วงก่อนเวลานอน 4-6 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้มีกระบวนการเผาผลาญที่เหมาะสม เพราะถ้าหากคุณกินมื้อเย็นแล้วนอนเลย ระบบเผาผลาญก็จะทำงานไม่เต็มที่ ทำให้เกิดไขมันสะสมได้ง่ายมากขึ้น
5.เลือกกินในปริมาณน้อยๆ
อาหารมื้อเย็นควรมีปริมาณน้อยกว่าอาหารมื้ออื่นๆ เพราะร่างกายจะนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่าอาหารมื้อระหว่างวัน ดังนั้น ควรกินอาหารเช้าและอาหารเที่ยงให้เต็มที่ เพื่อที่คุณจะได้ไม่รู้สึกหิวมากในช่วงเย็นนั่นเอง
เคล็ดลับการกินอาหารเย็นที่เหมาะสมนี้จะช่วยทำให้คุณๆ ทั้งหลาย ไม่เป็นโรคอ้วนลงพุง อีกทั้งยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น เพราะร่างกายไม่เกิดปริมาณไขมันสะสม อันเป็นสาเหตุของโรคร้ายหลายประการที่อาจจะมาเยือนคุณได้นั่นเอง
ที่มา:sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น